ไข้หวัดใหญ่ อันตรายที่ควรรู้
หลายๆท่าน โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่คิดว่าโรคไข้หวัดใหญ่จะแพร่ระบาดเฉพาะฤดูฝนและฤดูหนาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วโรคไข้หวัดใหญ่มีการแพร่ระบาดได้ตลอดทั้งปี เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยไม่จำกัดแค่ในเด็กเล็กหรือคนที่มีสุขภาพอ่อนแอเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงก็สามารถติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และเป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อให้แก่ผู้คนรอบข้างได้ ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่ คือโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงจมูก ลําคอ และปอด ไข้หวัดใหญ่สามารถหายได้เอง แต่บางครั้งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้ถึงแก่ชีวิต
ไข้หวัดใหญ่มีความแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร ?
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน และมีความรุนแรงแตกต่างกัน โดยไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ส่วนไข้หวัดธรรมดานั้นเกิดจากการเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ เช่น rhinovirus, adenovirus เป็นต้น โดยไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ไข้หวัดใหญ่มีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ A, B และ C แต่มีเพียงสายพันธุ์ A และ B ที่มีการระบาดโดยทั่วไป โดยไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แบ่งออกเป็นหลายซับไทป์ ซับไทป์ (subtype) ที่มีการระบาดเป็นประจำคือ H1N1 และ H3N2 ส่วนไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B แบ่งออกเป็น 2 lineages คือ Victoria และ Yamagata โดยอาการมักไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A
อาการของโรค
- อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ ดูเผิน ๆ จะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดาซึ่งจะค่อย ๆ แสดงอาการ
- มีไข้ หนาวสั่น และเหงื่อออก
- ปวดศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- เจ็บคอและไอแห้ง
- ปวดตา
- มีน้ำมูก จาม
- หายใจถี่
- ท้องเสียและอาเจียนซึ่งพบได้บ่อยในเด็ก
- ส่วนใหญ่ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์โดยทันที การใช้ยาต้านไวรัสช่วยให้หายป่วยได้เร็วขึ้นและป้องกันอาการไม่ให้ทรุดหนัก
- หากผู้ป่วยมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที
- เจ็บหน้าอก หายใจถี่
- เวียนศีรษะ
- ชัก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
- โรคประจำตัวกำเริบหรือทรุดตัว
สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่
คนทั่วไปอาจสัมผัสเชื้อไวรัสจากละอองฝอยในอากาศ เมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูดคุย คนทั่วไปอาจสูดรับเชื้อโรคทางลมหายใจหรือสัมผัสเชื้อที่ติดอยู่บนพื้นผิวของวัตถุ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือคีย์บอร์ด ผู้ป่วยจะสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนแสดงอาการ และยังสามารถแพร่เชื้อได้ต่อไปอีก 5 วันหลังแสดงอาการ ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องจะสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่า อนึ่งมีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หากได้รับวัคซีนหรือป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่มาก่อน ร่างกายมักมีภูมิต้านทานโรค หากเชื้อไวรัสตัวใหม่นั้นมีความใกล้เคียงกับเชื้อตัวเก่าที่เคยเป็น ร่างกายจะมีภูมิต้านทานป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไประดับภูมิต้านทานในร่างกายจะลดลง หากสัมผัสกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ร่างกายไม่เคยรู้จักมาก่อน แอนติบอดีที่มีอยู่เดิมจะไม่สามารถสู้กับและป้องกันการติดเชื้อได้
การป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่
เนื่องจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% สุขอนามัยที่ดีสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ล้างมือเป็นประจําด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
- ไม่ควรใช้มือสัมผัสตา จมูก และปากบ่อยๆ
- เมื่อจะจามหรือไอ ควรจามหรือไอใส่ข้อศอกหรือกระดาษทิชชู่ และล้างมือทุกครั้ง
- ทำความสะอาดโทรศัพท์หรือพื้นผิวของสิ่งของที่สัมผัสบ่อย
- หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด โดยเฉพาะในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด
- หลีกเลี่ยง ไม่ใกล้ชิดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
- สวมหน้ากากอนามัยเมือ่ต้องอยู่ในสถานที่แออัด หรือกลุ่มฝูงชนหนาแน่น
การรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
การพักผ่อนและดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดใหญ่ หากผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อร้ายแรง อาจต้องให้ยาต้านไวรัสการใช้ยาต้านไวรัสบางครั้งอาจมีผลข้างเคียง เช่น รู้สึกคลื่นไส้ อาเจีย ในบางคน การรับประทานยาพร้อมอาหารจะสามารถช่วยลดอาการดังกล่าวได้
ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี
เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ ในการผลิตวัคซีนแต่ละปีจึงมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน และเนื่องจากระยะก่อโรคสั้น จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมในการป้องกันโรค ดังนั้นจึงต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี
กรุณาติดต่อนัดหมาย
แผนกผู้ป่วยนอก
โทร.032-532576-80 ต่อ 102