โนโรไวรัส(Norovirus) สาเหตุท้องเสีย ในเด็ก
โนโรไวรัส (Norovirus) มีชื่อเดิมว่า Norwalk virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย การติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะเกิดขึ้นจากการรับประทานอาหาร น้ำดื่มที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อน หรือผ่านการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีการปนเปื้อน เช่น จาน ชาม ช้อน ส่วนใหญ่มักทำให้มีอาการอาเจียน ปวดท้องและท้องเสีย ภายใน 12 – 48 ชั่วโมง หลังทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อนี้ หรือแม้แต่การสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากผู้ป่วยรายอื่นๆก็สามารถติดได้ และอาการท้องเสียมักจะดีขึ้นภายใน 24 – 72 ชั่วโมง หลังจากเริ่มมีอาการป่วยอาการท้องเสียสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในเด็กที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งที่มาของการเกิดท้องเสียอาจจะไม่ได้มาจากโรต้าไวรัสเท่านั้น แต่ยังมีต้นเหตุจากไวรัสที่มีชื่อว่า “โนโรไวรัส” ซึ่งจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน อาการรุนแรง และติดต่อกันได้ง่าย ฉะนั้นเราควรทำความรู้จักกับไวรัสตัวนี้เพื่อพร้อมรับมือและป้องกันได้อย่างทันท่วงที
อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัส
คลื่นไส้ อาเจียน
ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำได้
ปวดท้อง
ปวดศีรษะ
มีไข้ อ่อนเพลีย
ปวดเมื่อยตัวตามร่างกาย
สำหรับรายที่มีอาการอาเจียนและถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก อาจทำให้ผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำรุนแรง จนอาจจะเป็นอันตรายได้ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก มีชีพจรเบาเร็ว และมีความดันโลหิตต่ำได้
การติดต่อและแพร่กระจาย
เชื้อโนโรไวรัส สามารถติดต่อได้โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัสปนเปื้อน พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด เป็นต้น เด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปากหรือการสัมผัสกับอาเจียน หรืออุจจาระของผู้ป่วย
การตรวจและรักษา
ตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโนโรไวรัส ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ เพื่อดูการติดเชื้อ Norovirus หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการ ในรายที่อาการไม่รุนแรง อาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วัน
แต่หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรือให้ยาแก้อาเจียนและยาแก้ปวดท้อง หรือต้องได้รับยาฉีดแก้อาเจียนในรายที่อาการรุนแรง ผู้ป่วยจะมีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจแต่กำเนิด หรือโรคไต จึงจำเป็นที่จะต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ
การป้องกันโนโรไวรัส
เชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่ายและปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ แอลกอฮอล์เจลไม่สามารถทำลายเชื้อโนโรไวรัส แต่สามารถป้องกันโดยทั่วไปคือ การดูแลสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาด หลังจากเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม เด็กควรงดไปโรงเรียนหรือสถานที่รับเลี้ยงเด็กเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ จนกว่าจะอาการดีขึ้น
วิธีป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 15 วินาที หลังการเข้าห้องน้ำหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก และก่อนทำอาหารหรือกินอาหาร
หลีกเลี่ยงน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด เพราะเชื้อจะสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในน้ำได้นาน
ล้างผัก ผลไม้สด ให้สะอาด ทำหอยนางรมหรือหอยชนิดอื่นให้สุกก่อนกิน
ทิ้งเศษอาเจียนและอุจจาระอย่างระมัดระวังโดยใช้ผ้าชุปน้ำหมาดๆซับไม่ให้มีการฟุ้งกระจาย และทิ้งลงในถุงพลาสติก
ผ้าอ้อมหรือเสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระ แยกเสื้อผ้าคนป่วยซักต่างหากและต้องรีบซักให้สะอาดโดยเร็วหรือทิ้งให้เหมาะสม
เช็ดทำความสะอาดพื้นที่ปนเปื้อนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน
ผู้ป่วยต้องงดการประกอบอาหาร เพราะสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้หลังจากมีอาการเป็นระยะเวลา 3 วัน
เด็กควรงดไปโรงเรียนหรือสถานที่รับเลี้ยงเด็กเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
หลีกเลี่ยงการเดินทางจนกว่าจะหายเป็นปกติ
กรุณาติดต่อนัดหมาย :
คลินิกกุมารเวช
แผนกผู้ป่วยนอก (OPD )
โทร. 032-532576-80 ต่อ 102
Make an appointment
with your doctor today!

Let's us care for you
Our staffs and medical professions from various background and experiences are here to make sure you have the best care while staying with us.