ปวดท้อง  ต้องรู้!!!

            เชื่อว่า หลายๆ   คนคงเคยมีอาการปวดท้อง  เพราะในช่องท้อง มีอวัยวะภายในอยู่มากมาย โดยเฉพาะผู้ที่ปวดท้องบ่อยๆ หรือเป็นๆ หายๆ ยิ่งไม่ควรชะล่าใจ ควรสังเกตตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งของการปวด เพราะพอจะทำให้เราทราบได้ว่า เราเสี่ยงที่จะเป็นโรคใด เพื่อที่จะนำไปสู่การตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ตรงกับโรค

• ปวดใต้ลิ้นปี่ : อาจมีความผิดปกติของกระเพาะอาหาร, ตับอ่อน, ตับ หรือหากมีอาการร่วมกับเจ็บหรือแน่นหน้าอก อาจเป็นภาวะหัวใจขาดเลือด
• ปวดใต้ชายโครงขวา : อาจมีความผิดปกติของตับและถุงน้ำดี หากมีอาการตัว ตา เหลืองร่วมด้วย อาจเป็นตับอักเสบ หรือนิ่วในถุงน้ำดี
• ปวดใต้ชายโครงซ้าย : อาจมีความผิดปกติของม้าม ตับอ่อน กรวยไตซ้าย หรือ นิ่วในไตซ้าย
• ปวดบริเวณรอบสะดือ : อาจมีความผิดปกติของลำไส้เล็ก หรือ อาการเริ่มต้นของไส้ติ่งอักเสบ
• ปวดบั้นเอว : อาจมีความผิดปกติของ ไต ท่อไต กรวยไต ลำไส้ใหญ่
• ปวดท้องน้อยขวา : อาจมีความผิดปกติของไส้ติ่ง ท่อไต ปีกปากมดลูกด้านขวา และรังไข่ขวา
• ปวดท้องน้อยซ้าย : อาจมีความผิดปกติของปีกมดลูกด้านซ้าย ท่อไต รังไข่ซ้าย
• ปวดเหนือหัวหน่าว : อาจมีความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ มดลูก

การวินิจฉัย

1. ซักประวัติ ได้แก่ อาการนำ ลักณะการปวดและระยะเวลา อาการร่วมเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ไข้ ตกขาว เป็นต้น
2. ตรวจร่างกาย ได้แก่ สัญญาณชีพ การดู ฟัง เคาะ คลำ หรือการตรวจภายในในสตรี
3. การตรวจพิเศษอื่นๆ ได้แก่ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ อัลตราซาวด์ และการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น หรือ บางรายอาจต้องส่องกล้องกระเพาะอาหาร หรือ ลำไส้ ต่อไป

          ทั้งนี้ หากมีอาการปวดท้องเฉียบพลันที่รุนแรง หรือ ยาวนานมากกว่า 6 ชั่วโมง หรืออาการปวดมากขึ้น ร่วมกับมีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะผิดปกติมีตกขาวหรือเลือดออกทางช่องคลอด ควรมาพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ มี ปวดตำแหน่งเดิม น้ำหนักลด คลำพบก้อน ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ซึ่งเป็นเพียงการบรรเทาอาการเท่านั้น ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย และรักษาได้อย่างตรงสาเหตุและทันท่วงที

ข้อมูลเพิ่มเติมและตรวจสอบตารางออกตรวจแพทย์เฉพาะทางอายุรกรรม, ศัลยกรรม, สูตินรีเวชกรรม, ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารและลำไส้ ติดต่อ คลินิกผู้ป่วยนอก 032 532576 80