โรคอีสุกอีใส
โรคอีสุกอีใส เป็นโรคไข้ออกผื่นชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (Varcella Zoster Virus) พบได้ตลอดปีแต่พบบ่อยในฤดูหนาวเนื่องจากเชื้อมีความทนต่อสภาพอากาศเย็นเชื้อแพร่กระจายได้ง่ายในสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล ผ่านทางอากาศ (airborne) เด็กที่เคยเป็นอีสุกอีใสมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดในอนาคตเมื่อภูมิคุ้มกันลดลง
กลุ่มเสี่ยง
ทารกแรกเกิด เด็กวัยรุ่น และเด็กที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติ
อาการ
เด็กที่ติดเชื้อไวรัสอีสุกอีใส จะมีอาการไข้และผื่น โดยผื่นจะมีลักษณะจำเพาะคือ เริ่มจากตุ่มสีชมพูหรือแดงแดง กลายเป็นตุ่มน้ำใส ตุ่มหนองและตกสะเก็ด มักพบที่ลำตัวและใบหน้ามากกว่า บริเวณแขนขา ไข้และตุ่มน้ำที่ผิวหนัง จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับอายุ เด็กโตหรือผู้ใหญ่มักมีมากกว่าเด็กเล็ก บางรายอาจมีอาการทางระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย หากพบภาวะแทรกซ้อนทางปอด หรือสมอง รวมทั้งการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนังรุนแรง หรือติดเชื้อเข้ากระแสเลือด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การวินิจฉัย
ส่วนใหญ่วินิจฉัยได้จากอาการและลักษณะของผื่นแต่ในบางครั้งอาจต้องอาศัยการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ
การรักษาและการดูแล
ส่วนใหญ่เน้นการรักษาตามอาการ โดยให้ยาลดไข้ ยาแก้คัน ส่วนการให้ยาต้านไวรัสอีสุกอีใส แนะนำให้เฉพาะในเด็กกลุ่มเสี่ยง มีอาการรุนแรงหรือผื่นลุกลามไปทั่วร่างกายและเกิดรอยโรคที่เยื่อบุผิวบริเวณตา ช่องคอ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ และช่องคลอด หรือมีภาวะแทรกซ้อน
ควรงดไปโรงเรียน ป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น ( 1-2 วันก่อนมีอาการ จนถึง 7 วันหลังมีอาการ หรือ จนตุ่มน้ำแห้งตกสะเก็ด หรือตามดุลยพินิจของแพทย์ )
คำแนะนำ
หลีกเลี่ยงยาแอสไพริน ควรตัดเล็บให้สั้น หลีกเลี่ยงการแกะเกา
การป้องกัน
การป้องกันด้วยมาตรการทั่วไปทำได้ยากจึงต้องอาศัยการฉีดวัคซีนเป็นหลัก
วัคซีนอีสุกอีใส เหมาะสำหรับ
- เด็กเล็ก ที่มีอายุระหว่าง 12-23 เดือน ซึ่งเป็นวัคซีนเสริมทางเลือก สามารถฉีดร่วมกับวัคซีนตามวัยอื่นๆ ได้
- เด็กโตตั้งแต่อายุ 7-13 ปี ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน โดยจะมีระยะและขนาดการฉีดต่างกันตามวัย
- ผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่ทำงานที่โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก หรือบุคลากรทางการแพทย์
- ผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมีประวัติโรคอีสุกอีใสมาก่อน
ยกเว้น หญิงตั้งครรภ์, ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือ การรับประทานยากดภูมิ, ผู้ที่แพ้เจลาตินหรือยาปฏิชีวนะในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์